วันพุธที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561



รู้อะไรไหม...การเปลี่ยนงานบ่อย
                    ไม่ได้หมายความว่าคุณแย่นะ
        เราเป็นคนหนึ่งเปลี่ยนงานบ่อยมากถึงมากที่สุดค่ะ ถ้านับตั้งแต่เรียนจบมหาวิทยาลัยก็ 4-5 บริษัทได้แล้วมั้ง(เวลา3ปี) (ไม่นับรวมงานPart-timeสมัยเรียนนะ ถ้ารวมการทำงานทั้งชีวิตน่าจะ 10 บริษัทได้ )
.....หลายคนอาจจะมีความสงสัยเรื่องความอดทนของเรา555 ถามว่ามีไหม?? ตอบได้เลยค่ะว่า มี!! แต่อาจจะมีน้อย เลยเก็บไว้ใช้เท่าที่จำเป็น J
.....สำหรับเหตุผลของการลาออกหรอคะ ก็แปดแสนล้านอย่างค่ะ เราว่ามันไม่ใช่สาระสำคัญ..
.....เพราะที่เราสนใจและให้ความสำคัญคือ การที่เราได้ลองไปทำงานหลายๆที่ เราได้เรียนรู้เรื่องที่เราไม่เคยรู้ เราได้รู้เรื่องที่ไม่คิดว่าจะรู้มากมายเลย สิ่งที่เราได้ค้นพบ คือ
มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่วิเศษมาก คุณรู้ไหมคะ..คุณสามารถทำได้มากกว่าที่คุณคิดว่าคุณจะทำได้ซะอีกค่ะ
-เรารู้ศัพท์เทคนิคทางวิศวกร รู้ว่ากว่าจะเป็นรถไฟฟ้าได้เขาสร้างมันมายังไง เพราะเราเคยทำงานในบริษัทก่อสร้าง
-เรารู้ว่าบริษัทประกันภัยทำไมถึงรวย
-เราเข้าใจถึงวัฒนธรรมขององค์กร ทำไมผู้คนทั่วทั้งโลกถึงได้เป็นสาวกเขา
-เราได้รู้จัก ได้พูดคุยกับคนเก่งๆ มากมายหลายคน ฯลฯ ( คนที่เป็นหัวหน้าคนได้เขามีวิธีคิดแบบไหน )
แต่คนเราก็คงมีเหตุผล มีปัจจัยในการใช้ชีวิตแตกต่างกันไปนะคะ บางคนก็คงจะคิดว่า จะมาใช้ชีวิตเล่นๆแบบนี้ได้ไง J
เราว่าการเปลี่ยนงานบ่อยก็น่าจะเหมาะกับคนที่ยังไม่รู้ว่าตัวเองชอบอะไร อันนี้ดีมากเลยค่ะ เพราะคุณจะได้มีโอกาสลองทำ ลองคิด ค้นหาสิ่งที่คุณชอบ อะไรที่ไม่ชอบก็ตัดๆออกไป สุดท้ายมันก็จะเหลือตัวเลือกที่น้อยลง แล้วPassionของคุณมันจะชัดเจนขึ้นเรื่อยๆค่ะ
...ความล้มเหลวมันไม่ใช่สิ่งที่แย่ที่สุด ถ้าคุณรู้จักที่จะเรียนรู้จากมัน
สุดท้าย เรามีสิ่งที่จะแนะนำอย่างเดียวสำหรับเรื่องนี้ คือ คิดบวกค่ะ +++

มันดีมาก...เพราะถ้าคุณเป็นคนคิดบวก ไม่ว่าคุณจะเป็นคนที่ทำงานอยู่ที่เดิมมาเป็นเวลานานและยังคงต้องทำต่อไป หรือเป็นคนที่ชอบเปลี่ยนงานบ่อยๆเหมือนเรา คุณจะไม่มีวันเบื่อชีวิตตัวเอง คุณจะเป็นคนที่มองหาแต่สิ่งดีๆ พร้อมที่จะหยิบจับแต่เรื่องที่ดีๆให้กับตัวเอง .

                                                                                                                                           
- style ja -
IG : styleja1

วันอังคารที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561


รู้อะไรไหม...ก็ถ้ายังไม่ตายไปซะก่อน
                    นี่ไม่ใช่ปัญหาครั้งสุดท้ายของชีวิต
ตื่นเช้ามาแบบหนักหัวสุดๆ จากการปาร์ตี้อย่างสุดสวิงมาหลายวัน เสมือนดื่มเก็บเวลไปส่งชิงโชคได้ เรานอนติดเตียงอยู่สักพัก จู่ๆภาพต่างๆนาๆที่เกิดขึ้นทั้งหมดในชีวิตมันก็ผ่านเข้าหัว เรียกได้ว่าประมวลผลให้เสร็จสับภายใน1นาที
สบถกับตัวเองว่า เชี้ยยย กูทำอะไรอยู่วะเนี่ย
     เราใช้ชีวิตอยู่บนโลกนี้มา 27 ปีแล้วค่ะ แต่จะเรียกว่ายังไม่ประสบความสำเร็จอะไรเลยก็ว่าได้
   เริ่มจาก...มหาลัยเราเรียนกฎหมาย เพราะคุณพ่อคุณแม่อยากให้เรียนแต่จริงๆแล้วเราไม่ชอบนะ เราชอบศิลปะมากกว่า แต่ตอนนั้นเราก็เรียนตามคำสั่งคุณพ่อ (ความคิดตอนนั้นคือถ้าเราทำให้คนที่เรารักมีความสุข เราก็จะมีความสุขไปด้วย) เรียนๆไปมันก็เรียนจบได้ซะอย่างงั้น พอเรียนจบก็ทำงานในสายนี้ไปสักพักค่ะ ช่วง3ปีเราเปลี่ยนงานบ่อยมากค่ะ เปลี่ยนหลายบริษัท จนมีเพื่อนเยอะมาก หลายกลุ่ม และด้วยความใจง่ายของเราเวลาเพื่อนชวนปาร์ตี้เราไม่เคยปฏิเสธ J เวลาไปเที่ยวเราเฟรนลี่กับทุกอย่างค่ะ ไม่ว่าจะเพื่อน ผู้ชาย เหล้า สนิทหมด... เราคิดเสมอว่าการที่เราออกไปปาร์ตี้ทำให้ชีวิตได้มีเรื่องสนุกๆบ้าง เป็นพื้นที่ที่เราจะหลีกหนีความน่าเบื่อจากงาน แต่ในเช้าวันนี้มันกลับมีชุดความคิดใหม่เกิดขึ้นในหัวมากมายเลยค่ะ

-         -     เราไม่ได้มีความสุขกับมันจริงๆ เรื่องพวกนี้มันไม่ได้สนุกเลย เรารู้สึกเราปลอม!!!   -

....เรารู้สึกอยากขอโทษตัวเองมาก แล้วสัญญากับตัวเองว่า เราจะเริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างจริงจัง....
....เมื่อการขอโทษจากตัวเองจบลง มันก็มีการให้อภัยจากตัวเองตามมา....
อภัยเพื่อเริ่มต้นใหม่ อภัยเพื่อสำนึกอะไรบางอย่าง .......

( เรามีนิสัยอย่างหนึ่งค่ะ ที่ติดตัวมาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ นั่นคือการคุยกับตัวเอง นิสัยนี้มันมักจะเกิดมาในช่วงวิกฤติของชีวิต )
นอกจากที่มันจะดูบ้าๆ เราว่ามันก็มีข้อดีอยู่บ้างนะ

มีไหมคะ ความรู้สึกที่ว่า พูดกับใครไม่ได้” “ไม่รู้จะปรึกษาใคร” …..
ตัวเองนี่แหละค่ะ เพื่อนที่ดีที่สุด ลองใจเย็นๆ สูดลมหายใจลึกๆพอเริ่มมีสติ ถ้าหากคุณมีคำถามที่ยังไม่ได้คำตอบ ให้ถามคำถามนั้นซ้ำกับตัวเองอีกรอบ อีกรอบและอีกรอบ
แล้วคุณจะรู้ว่าคุณควรเลือกอะไร....
        การคุยกับตัวเองมันสอนให้เราเคารพตัวเอง อันนี้สำคัญ!! เพราะไม่ว่าในวันที่เราจะต้องเจอเรื่องดีหรือร้าย ถ้าเรายังยิ้มให้ตัวเองได้ นั่นมันคือที่สุดแล้วค่ะ J
#### ถ้าเรายังไม่ตายไปซะก่อน นี่ไม่ใช่ความผิดพลาดครั้งสุดท้ายของชีวิต นี่ไม่ใช่ปัญหาครั้งสุดท้ายของชีวิต
นี่ไม่ใช่ความสุขครั้งสุดท้ายของชีวิต ...... เพราะไม่ว่ายังไงชีวิตต้องเดินไปข้างหน้า .


- style ja -
IG : styleja1

วันอาทิตย์ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

“ รู้อะไรไหม...ไม่เคยมีใครตายเพราะความรัก ความไม่รักต่างหากที่ทำให้คนจะเป็นจะตาย ”




“ รู้อะไรไหม...ไม่เคยมีใครตายเพราะความรัก
                     ความไม่รักต่างหากที่ทำให้คนจะเป็นจะตาย 

   วันก่อนค่ะ มีนัดกินข้าวเย็นกับเพื่อนแถวๆรัชดา เพื่อนบอกเพื่อนอกหัก!!
อืมมม .... เวลาคุณอกหัก คุณทำยังไงคะ มีความรู้สึกแบบไหน............
สำหรับเพื่อนเราหรอ ในเวลา 2 ชั่วโมงกว่า จับใจความได้แค่ว่า

ทำไม..ทำไมเขาทิ้งฉัน..ฉันทำให้เขาขนาดนี้ยังไม่พออีกหรอ..ทำไมมม

ทุกคนคะ เวลาที่ความรักมันจบลง สิ่งแรกที่ไม่ควรนึกถึงเลย คือ คำว่า ทำไม
อย่าตั้งคำถามกับความรัก เพราะความรักมันไม่มีเหตุผล
มันมีเหตุผลแปดแสนล้านอย่าง และบางเหตุผลที่เกิดขึ้นมันอาจจะเป็นเหตุผล
ที่เราไม่เคยคาดคิดมาก่อน เพราะงั้นคิดไปก็ปวดหัวค่ะ J

......ถ้าวันนี้คุณโดนทิ้ง เราว่าให้คิดถึงใจเขาใจเราดีกว่านะ
คนเราจากไป เพียงเพราะเขาเจอสิ่งที่ดีกว่า

ถ้าวันนี้เป็นคุณที่ทิ้งเขา คุณจะรู้สึกยังไง...เราว่ามันไม่มีเหตุผลอะไรมากหรอก
แค่ ความไม่รักแล้วแค่นั้นเองค่ะ......

แล้วไม่มีใครผิดด้วย คุณไม่ได้ผิดอะไรแล้วเขาก็ไม่ได้ทำอะไรผิด

เคารพตัวตนของเขา ให้เขาได้เลือกในสิ่งที่เขาชอบ ให้ได้ทำในสิ่งที่รัก

แล้วคุณก็เช่นกัน ถ้าสิ่งนี้มันจะทำให้คุณแย่คุณก็แค่เดินออกมา......





- style ja -

“ รู้อะไรไหม...การเปลี่ยนงานบ่อย                     ไม่ได้หมายความว่าคุณแย่นะ ”         เราเป็นคนหนึ่งเปลี่ยนงานบ่อยมากถึงมากที่สุ...